วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

จา พนม ยีรัมย์

ประวัติความเป็นมาของ จา พนม ยีรัมย์

ชื่อ พนม ยีรัมย์ หรือ จา เป็นคนจังหวัดสุรินทร์ มีความฝันตั้งแต่อายุ 11-12 ปีอยากเป็นอย่างเฉินหลงหลังจากที่ได้ดูหนังของฮีโร่ในดวงใจ เริ่มต้นฝึกฝนเลียนแบบตามหนัง จนเรียนถึงมัธยมปีที่3 พบกับจุดพลิกผันในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่เมื่อได้ดู ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นเรื่องเกิดมาลุยที่เขียนบท กำกับและนำแสดงโดยพันนา ฤทธิไกร จึงเริ่มต้นฝึกซ้อมคิวบู๊และการต่อสู้ด้วยตนเอง ทุกวันจนแทบไม่ได้กินข้าวในบางวัน จนเรียนจบมัธยมปีที่ 3 ตัดสินใจว่าจะต้องเอาดีทางแอ็คชั่นให้ได้ ก็เลยขอให้พ่อพามาฝากตัวกับพันนา ฤทธิไกรซึ่งกำลังถ่ายหนังอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จนได้พบกับพันนาในวันรุ่งขึ้นที่โรงแรมแก่นอินน์ ซึ่งกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพ หลังถ่ายหนังเสร็จสิ้นโดยได้รับคำแนะนำว่าให้กลับไปเรียนหนังสือก่อน แล้วค่อยมาเรียนรู้หรือฝึกฝนในช่วงปิดเทอม แล้วตลอดระยะเวลา 3 ปีในช่วงปิดเทอมเขาก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตในกองถ่ายทำภาพยนตร์ ตั้งแต่การเป็นเด็กประจำกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟน้ำ ทำอาหาร ยกอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำ อาทิ รีเฟล็กซ์ ,รางดอลลี่ ฯลฯ ไปพร้อมกับ ๆ กับการเรียนรู้และฝึกฝนในสิ่งที่เขารักคือคิวบู๊การต่อสู้
จนเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้รับคำแนะนำจากพันนาให้เขาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยพละศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ที่นั่นเขาได้ก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ทุกอย่าง ทั้ง เทกวนโด้ มวยไทย กระบี่ กระบอง ยิมนาสติก และกีฬาทุกอย่างโดยยังคงฝึกกับพี่พันนาเป็นประจำทุกเสาร์อาทิตย์ที่ที่จังหวัดขอนแก่น จนทางพันนาเห็นวี่แววและหน่วยก้านจึงเริ่มให้แสดงฝีมือในการเป็นสตันท์แมน และนักแสดงร่วมในภาพยนตร์หลายเรื่อง ขณะเดียวกันก็ริ่มคิดค้นการนำเอาศิลปะเกี่ยวกับภาพยนตร์มาผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ที่ได้เล่าเรียนมาจากมหาวิทยาลัยพละศึกษา โดยนำพื้นฐานทางด้านยิมนาสติกทุกอย่าง แม่ไม้มวยไทยมาประยุกต์ ผสมผสานกับการใช้อาวุธไทย เริ่มต้นรวบรวมทีมงาน แล้วนำออกไปโชว์ตามโรงเรียนมัธยมต่างๆ ทางภาคอีสาน ภายใต้กิจกรรมของชมรมกระบี่กระบองที่ได้จัดตั้งขึ้นโดยที่เขารับผิดชอบในการทำเป็นประธานชมรม เป็นตัวแทนวิทยาลัยพลศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของไทย (มวยไทย,กระบี่กระบอง)ที่ประเทศจีน รวมทั้งเป็นวิทยากรตัวแทนวิทยาลัยพลศึกษา เผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของไทย ในภาคอีสาน และ กรุงเทพฯ เป็นนักกีฬาเหรียญทอง (ทุกปี) วิทยาลัยพลศึกษา ประเภท กระบี่กระบอง,ยิมนาสติค,กรีฑา (วิ่ง,กระโดดไกล,กระโดดสูง)
ในระหว่างนั้นมีโอกาสได้ร่วมในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นจากฮอลลีวู้ดอย่าง มอร์ทัล คอมแบท 2 ซึ่งยกกองมาถ่ายทำอยู่ที่จังหวัดอยุธยาโดยเอาชนะสตันท์แมนกว่า 100 คน เพื่อเล่นเป็นสตันท์แทนโรบิน ชู พระเอกในเรื่อง ต่อมาแสดงแทนเจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์พระเอกอาร์เอสในฉากแอ็คชั่นของหนังไทยของไฟว์สตาร์เรื่อง แก๊งค์กระแทกกวน ตามด้วยภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ของช่อง 7 เรื่อง อินทรีแดง
หลังจากนั้นได้ร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร ทำโปรเจ็คต์เกี่ยวกับมวยไทยโดยรวบรวมเงินรายได้ทั้งหมดที่มีถ่ายทำด้วยฟิล์มภาพยนตร์ขึ้นมาเพื่อนำเสนอ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และเป็นจุดเริ่มต้นและที่มาของโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เกี่ยวกับมวยไทยขึ้นโดยใช้เวลาในการเตรียมงาน เวิร์คช็อพ คิดค้นท่า ฉากแอ็คชั่น พร้อมกับ พัฒนาบทภาพยนตร์ ไปจนถึงขั้นตอนการถ่ายทำไปทั้งหมดถึง 4 ปี และในท้ายที่สุดกลายเป็นภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า องค์บาก กล่าวได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่รวบรวมเอาความสามารถที่มีทั้งหมด
ทั้งความสามารถทางด้านพื้นฐานทางด้านกีฬาอย่างยิมนาสติกไปจนถึงศิลปะการต่อสู้ที่เรียนรู้ทุกรูปแบบรวมทั้งแม่ไม้มวยไทยโบราณถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมด ล่าสุดได้รับความสนใจและทาบทามจาก บ.โกลเด้นฮาร์เวสท์ ผู้สร้าง และผู้ผลักดัน ซุปเปอร์สตาร์ฮีโร่ในโลกภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง บรูซ ลี และเฉินหลง ไปร่วมงาน ปัจจุบันอยู่ในช่วงเตรียมงานภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องใหม่ ต้มยำกุ้ง