วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

พนม ยีรัมย์ พระเอกบู๊ชื่อดัง


ลูกชายเมืองช้างสุรินทร์ "จา" พนม ยีรัมย์ หรือ Tony Ja เกิด 5 กุมภาพันธ์ 2519 เป็นเบอร์ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน ชื่อจริงก่อนเข้าวงการคือ วรวิทย์ ใช้มาจนถึง 31 กรกฎาคม 2541 แล้วเปลี่ยนเป็น พนม ยีรัมย์ เพราะพ่อฝันว่ามีคนแก่ชุดขาวมาทายทักว่าถ้าเปลี่ยนชื่อเป็นพนมจะเจริญรุ่งเรือง ส่วน โทนี่ จา เป็นเนมที่ผู้กำกับฯ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ตั้งให้ระหว่างเดินสายโชว์ตัวต่างประเทศ


ชอบดูหนังฟังเพลง ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ประทับใจคือแฟนฉัน ฝันอยากแสดงร่วมกับเจ็ท ลี เพราะเขาเก่ง เป็นมวยวูซู เป็นคนมหัศจรรย์ของจีนแผ่นดินใหญ่ สถานที่ที่ชอบไป ภูชี้ฟ้า ชอบธรรมชาติโดยเฉพาะยามนอนดูท้องฟ้าซึ่งสวยเหมือนรูปวาด ผู้หญิงในอุดมคติ เข้ากันได้ เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ และมีเสน่ห์ดึงดูดเขาได้


วัยเด็กฝันอยากเป็นเฉินหลง และบรู๊ซ ลี ไปดูหนังแล้วกลับมาฝึกเลียนแบบ เรียนจบม.3 โรงเรียนโคกกลางวิทยา จุดพลิกผันในชีวิตเกิดขึ้นเมื่อไปดูหนังไทยเรื่อง "เกิดมาลุย" ของพันนา ฤทธิไกร ดูจบปุ๊บขอให้พ่อพาไปฝากตัวกับนักบู๊รุ่นพี่คนนี้ปั๊บ ทำให้ทุกช่วงปิดเทอมตลอด 3 ปีได้เรียนรู้ประสบการณ์กองถ่ายตั้งแต่เสิร์ฟน้ำ ทำอาหาร ยกอุปกรณ์ พร้อมกับเรียนรู้ฝึกคิวบู๊การต่อสู้


กระทั่งจบม.6 โรงเรียนประสาทวิทยาคม เรียนต่อที่วิทยาลัยพลศึกษามหาสารคาม ศึกษาศิลปะการต่อสู้ทุกอย่าง เทควันโด มวยไทย กระบี่-กระบอง ยิมนาสติก และฝึกนอกมหาวิทยาลัยกับพันนาจนได้เป็นสตั๊นต์แมน เคยแสดงแทนโรบิน ชู พระเอกหนัง "มอร์ทัล คอมแบท 2" ซึ่งยกกองมาถ่ายทำที่อยุธยา แสดงแทนเจมส์-เรืองศักดิ์ ในหนัง "แก๊งค์กระแทกก๊วน" และละคร "อินทรีแดง"


ขณะเดียวกัน ก็นำเอาศิลปะภาพยนตร์มาผสมผสานศิลปะการต่อสู้ นำพื้นฐานยิมนาสติก แม่ไม้มวยไทยมาประยุกต์ผสมกับอาวุธไทย รวบรวมทีมงานตระเวนโชว์ฝีมือตามสถานศึกษาภาคอีสานในนามชมรมกระบี่กระบอง เป็นตัวแทนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ไทยที่ประเทศจีน แล้วร่วมกับพันนาทำโปรเจ็กต์มวยไทยเสนอปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์แอ๊กชั่นฟอร์มเดือดเรื่อง "องค์บาก" ใช้เวลาถ่ายทำ 4 ปี


กิจวัตรทุกวันนี้ ตื่น 7 โมง อาบน้ำแล้ววอร์มร่างกายนิดหน่อย กินข้าว เรียนภาษาอังกฤษ 3 ชั่วโมง ออกแบบท่ามวยกับทีมงาน ศึกษาท่ามวยไทยให้มากขึ้นและซ้อมมวย อนาคตอยากเปิดโรงเรียนสอนศิลปะมวยไทยโบราณ อยากอุปถัมภ์ช้างเร่ร่อน ปลูกป่าให้ช้างอยู่ ให้ควาญช้างมีอาชีพ ส่วนภาพยนตร์ถ้ามีโอกาสสร้างเองจะสร้างเรื่องเชิดชูวีรบุรุษไทย สิ่งที่กลัวที่สุดคือความตาย เพราะทำงานอยู่บนความเสี่ยง แต่ก็ทำใจได้ว่าคนเราเกิดมาก็ต้องตาย สำคัญคือรู้หน้าที่ตนเอง